วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- -มาม่าผัดขี้เม้า ขี้เมา - -

ช่วงนี้ กำลังเห่อกับการทำอาหารค่ะ ฉันเองชอบที่จะ เห่อ อะไรเป็นพักๆ ช่วงนี้ เห่อที่จะเป็นแม่ครัว 5555
สองวันก่อน ทำอาหารญี่ปุ่น เดี๋ยวใครมาอ่าน จะคิดว่าฉันทำเว่อร์บ้าทำแต่อาหารต่างชาติ555 วันนี้ก็เลย
จะมาทำอาหารไทยๆ ให้ได้ชิมกัน เป็นเมนูคู่ทุกบ้าน ซะด้วยซิ คิดว่าคงคุ้นปากดี นั่นก็คือ "มาม่า" นั่นเอง ^__^
เหตุเกิด จากเมืองกรุงเทพฯ รถติดมากมาย ต้องไปรับน้องชายที่โรงเรียน กว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้าน ก็ช่างแสนน๊าน นานนนน
ก็เลยคิดว่า ทำอาหารให้น้องทานบนรถ ระหว่างเดินทาง ก็คงจะดี เจ้าตัวเล็ก จะได้ไม่ต้องบ่นตลอดทางว่า
"พี่จอย ขับเร็วๆซิ หิวแล้ววววว" อีกต่อไป ^__^
วันนี้ ก็ค้นๆ คุ้ยๆ ในตู้เย็น เจออุปกรณ์ ในการทำอาหารมื้อนี้ ดังนี้ค่ะ ยำยำรสผัดขี้เมาแห้ง,หมึกสด,เนื้อหมู,เนื้อปลาแผ่น,แครอท,ดอกกะหล่ำปลี,พริกสด และใบกระเพรา ^__^

ขั้นตอนแรก ก็นำเส้นมาม่า ไปลวกน้ำร้อนก่อน แล้วพักไว้ นำส่วนประกอบทั้งหมด มาหั่นๆๆๆๆ เตรียมไว้ สำหรับผัดค่ะ

จากนั้นก็ตั้งกระทะ เปิดไฟอ่อนๆ ผัดพริกกับกระเทียมให้หอม แล้ว นำปลาหมีก เนื้อหมู ปลาแผ่น ลงไปผัด พอสุกแล้ว ก็ตามด้วยผักต่างๆ ผัดจนผักเริ่มสุก ก็ฉีกเครื่องปรุงที่แถมมากับซอง ใส่ลงไปผัด(ควรปรุงรสเพิ่มเติมนะคะ เพราะว่าถ้าแค่เครื่องปรุงที่แถมมารสชาดจะอ่อนเกินไป) ผัดไปเรื่อยๆ จนมีกลิ่นหอมอย่างที่เห็น ได้กลิ่นรึป่าวค่ะ ^__^

จากนั้นก็นำเส้นลงไปผัดๆ ให้รสชาดเข้าเนื้อ แล้วก็ชิม เมื่อปรุงรสได้ตามใจชอบแล้ว ก็โรยใบกระเพราอันดับหลังสุด

เสร็จแล้ว ก็เสิร์ฟใส่จาน พร้อมรับประทานแล้วค่ะ น่าหม่ำมั้ย ^^

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- - มาทำ ซูชิ กินกันเถอะ - -

ผลต่อเนื่องจากเมื่อวาน สงสัยราเมนรสชาดจะดีกว่าที่คิด
น้องชาย ตัวอ้วน "ปีก้า" ก็เลยบอกให้ทำ ซูชิให้ทานบ้าง
"ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว" ฉันตกปากรับคำ เพราะของที่ซื้อมาทำเมื่อวานก็เหลือเยอะแยะ
ก็เลย รื้อๆค้นๆ ในตู้เย็น ได้อุปกรณ์ การทำซูชิ มาอย่างที่เห็นนี่ละคะ ส่วนประกอบอาจจะไม่เหมือนสูตรต้นตำหรับ
อันนี้ เป็นรสที่ทำกินเองที่บ้านนะ^__^
ส่วนประกอบมีสาหร่ายญี่ปุ่น(แบบแผ่นใหญ่สำหรับห่อ)น้ำส้มสายชู,โชยุ
น้ำตาลทราย,ข้าวญี่ปุ่น,ไข่ไก่,แครอท , ปูอัด เริ่มกันเลยดีกว่า

ก่อนอื่นไปหุงข้าวญี่ปุ่นไว้ก่อนเลย 555 แล้วระหว่างรอข้าวสุก ก็เตรียมส่วนของใส้ซูชิกันก่อนนะคะ
1.นำแตงกวา แครอท และปูอัดมาหั่นเป็นเส้นยาวๆเตรียมไว้ก่อน
2.เตรียมไข่หวานสำหรับทำไส้ โดยการนำไข่ไก่มาตี (มีเคล็ดลับคือพยายามตีไข่อย่าให้มีฟองมาก เวลาทอดแล้วเนื้อจะเนียนสวย)
3.เสร็จแล้ว ก็นำน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู โชยุ มาละลายผสมกันจนเป็นน้ำ แล้วก็ค่อยๆเทผสมลงไปในไข่ไก่ระหว่างตี
4. นำกระทะมาตั้งไฟอ่อนๆ (ควรใช้กระทะเทฟร่อนนะคะ จะได้เนื้อเนียนสวย ยิ่งถ้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมจะดีมาก)
5.รอกะทะร้อนก็เทไข่ลงไปบางๆ พอเริ่มสุกเหลืองแล้ว ก็ม้วนๆพับๆไว้ข้างกะทะ ทำแบบนี้ไว้ซักสามม้วนนะคะ
6.เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น จึงนำไข่มาหั่นเป็นเส้นยาวๆ เพื่อวางเป็นไส้ซูชิ และหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมสำหรับวางเป็นหน้าซูชิ
7.นำข้าวญี่ปุ่นที่หุงเสร็จแล้ว มาใส่ในชามใหญ่ๆ พักไว้ ให้ข้าวอุ่นๆ
8.นำน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู และเกลือ ละลายให้เข้ากัน เพื่อเตรียมปรุงข้าวซูชิ
9.นำน้ำปรุงข้าว ค่อยๆเทราดลงบนข้าวทีละน้อย ค่อยๆชิมรสชาด (ระวังอย่าให้ข้าวเละนะคะ)
เสร็จแล้ว ก็จะได้อย่างที่เห็นนี้นะคะ ^^

มาเริ่มทำซูชิกันเลยดีกว่า เริ่มโดยการปูสาหร่ายสำหรับห่อไว้ แล้วก็ตามด้วย ข้าวญี่ปุ่น ไข่หวาน แตงกวา แครอท ปูอัดตามลำดับ
เสร็จแล้วก็ม้วนๆๆๆๆๆๆ เป็นแท่งๆ เตรียมไว้ (อย่าใส่ใส้มากเกินไปนะ เพราะเดี๋ยวสาหร่ายจะขาด ห่อไม่ได้ค่ะ)




หลังจากนั้นก็นำไอ้ม้วนซูชิมาหั่นนะคะ ขั้นตอนนี้ต้องระวังหน่อย เอาน้ำส้มสายชูเช็ดมีดจะทำให้หั่นง่ายขึ้น ค่อยๆหั่นนะไม่งั้นเละแน่
(ฉันเองก็หั่นไม่เก่งเหมือนกันค่ะ มือใหม่ หน้าเละเหมือนกัน5555)ส่วนซูชิหน้าปูอัดกับไข่หวานก็แค่นำมาวางบนข้าวซูชิ ที่ปั้นพอดีคำ แล้วพันด้วยสาหร่ายไม่ให้เป็นโรคไส้(ซูชิ)เลื่อน 555 เสร็จแล้วก็นำซูชิจัดใส่จาน ทานคู่กับ โชยุและวาซาบิ
แค่นี้ก็ได้ซูชิทำกินเอง อร่อยและก็ประหยัดตังค์ในกระเป๋าแล้ววว ^__^

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- - มิโซะ ราเมน ฉบับ D.I.Y. - -

ไม่ได้เขียน บล็อก มานานมากกกกกกกกกก ชีวิตฉันดูวุ่นๆ ยุ่งๆยังไงบอกไม่ถูกนะช่วงนี้
ตอนนี้ ฉันใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆ ไม่ได้เดินตามแบบแผนที่วางไว้ซักเท่าไรฉันตั้งใจ จะปิดเทอม ซักครึ่งปี
ค้นหาอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ (ฉันเรียกมันว่า ช่วงลอกคราบ555)
**ตอนนี้ ฉันลองมาใช้ชีวิตแบบคุณแม่ ดูละ มาเลี้ยงน้องชายที่แสนจะน่ารักสองคน
"ปีก้า"และ"ไตเติ้ล"ลูกชาย(ช่วงทดลองเป็นคุนแม่)ของฉันเอง

เรื่องของเรื่อง เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันหนึ่ง ตอนนั่งดูรายการ "โกโกริโกะ"กับน้องทั้งสองคน จู่ๆไตเติ้ลก็พูดขึ้นมาว่า
"พี่จอยครับ ไตเติ้ลอยากกิน ราเมน" วิญญาณ คุณแม่ของฉันก็เลยตกปากรับคำน้องไปว่า
"โอเคเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่จะทำให้กิน" 555 งานเข้าซิครับ ไม่เคยทำด้วย แต่พูดไปแล้ว ยังไงก็ต้องทำใช่มั้ยละ ^__^
วันนี้ ก็เลย สวมบทบาทแม่ครัวอาหารญี่ปุ่น จำเป็นซะหน่อย

นานๆจะได้เป็นแม่ครัว ซะที เลยอยากลองทำอาหารฉบับ DIY เผยแพร่ซะหน่อย
เผื่อใครอยากทำ ราเมน ทานเองบ้าง ^__^ (สูตรแบบ ประยุกต์ ฉบับมั่วๆของฉันเองค่ะ555)
เริ่มจากเตรียมอุปกรณ์ ในการทำ ดังนี้ ต้นหอมญี่ปุ่น ,มิโซะ,เส้นราเมน,หอมใหญ่,แครอท,เห็ดเข็มทอง,สาหร่าย,มันฝรั่ง,กวางตุ้ง,ปลาหมึก,ปลาแผ่นหรือลูกชิ้น นาๆชนิดที่ชอบ


ขั้นตอนที่ 1. ต้มน้ำซุป โดยการเอาสาหร่ายลงต้มก่อนเพื่อให้ได้รส แล้วกรองเอาแต่น้ำ นำมิโซะ ละลายน้ำ ต้มให้เดือดซักครู่ นำเต้าหู้ปั่นละเอียด กรองเอาแค่น้ำ เทลงในน้ำซุป(จะทำให้น้ำซุปมีรสมันๆของเต้าหู้ด้วย)นำแครอท มันฝรั่ง หอมใหญ่ หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ใหญ่ๆ ต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ (บรรดาผักต่างๆ จะทำให้น้ำซุปมีรสหวานค่ะ ^^)

ขั้นตอนที่2. ช่วงที่รอน้ำซุปเดือด เราก็มาเตรียมส่วนของตกแต่งชามกันเถอะ นำแครอทมาหั่นเป็นฝอยๆ กวางตุ้ง เห็ดเข็มทอง และต้นหอมญี่ปุ่น มาหั่นฝอยๆ ผัดให้สุก นำลูกชิ้นมาย่างให้เหลืองทอง สวยงาม เตรียมไว้สำหรับตกแต่ง ^^



ขั้นตอนที่3. นำเส้นราเมนมาลวก ใส่ชาม แล้วก็นำส่วนประกอบต่างๆมาวางตกแต่ง แล้วราดน้ำซุป แค่นี้ก็พร้อมให้ น้องๆหม่ำหลังจากกลับจากโรงเรียนแล้วละคะ วันนี้ รอดตัวแล้ว พี่ทำตามสัญญาแล้วนะ ไตเติ้ล ^___^


ปล.สงสัย ราเมน จะรสชาดใช้ได้ ปิก้าเลยเอ่ยปาก ขอเพิ่มเมนู "ข้าวปั้น ซูชิ"บ้าง 555

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

- - ลาที...เด็กปีหนึ่ง - -

ฉันกำลังจะเป็นรุ่นพี่แล้วค่ะ ^^
จะจบปีหนึ่งแล้วนะ...โตขึ้นมาเป็นรุ่นพี่แล้ว
ช่วงก่อนหน้านี้ มีความรู้สึกที่สับสนเหลือเกิน
ไม่รู้จะก้าวไปทางไหนต่อ ....ดูมันเหน็ดเหนื่อย
อยู่ดีๆ ก็ท้อไปซะอย่างนั้น...เคยคิดอยากจะ Drop ไปซะทุกอย่าง
ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องงาน ทุกๆเรื่อง อยากหยุด อยู่เฉยๆ
*
*
ทุกเรื่อง...ดูแย่สำหรับฉันไปซะหมด....ทุกอย่างมันดู...ไม่ใช่
........ฉันกำลังเบื่อชีวิต!!!!!.......
ฉันคิดแบบนั้นจิงๆนะ...............
(อาจจะเร็วไปหน่อยที่จะคิดแบบนี้ตอนอายุยี่สิบหก 555555++)
แต่มานึกๆ ดูแล้ว มันเป็นวิถีของคนขี้เกียจเกินไปหน่อย
มีใครบางคน ให้กำลังใจฉัน และบอกฉันว่า
*
*
"มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่เราต้องเรียนรู้ และต้องทำความเข้าใจกับมัน
เพราะบางที ถ้าเราไม่ทำตอนนี้ เราอาจจะเสียใจที่ปล่อยมันผ่านไปก็ได้"
*
*
มันเป็นประโยค ที่เหมือนไม่มีอะไร ใครๆ ก็คิดแบบนี้ได้ แต่ฉันฟังแล้วรู้สึกดีมากจริงๆ
ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็เกิดแรงฮึดสู้ล่ะ....จะเอาจริงแล้ว อะไรผ่านเข้ามา ก็ให้มันรู้ไปซิ
ก้าวต่อไป........ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมมมม
(ตอนนี้รู้สึก มีพลัง จนไฟลุกท่วม 555++)

ปล. ขอให้พลังนี้ อยู่คู่กับฉันจนกว่า จะทำ The sis เสร็จด้วยเถอะ ^^