วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- -มาม่าผัดขี้เม้า ขี้เมา - -

ช่วงนี้ กำลังเห่อกับการทำอาหารค่ะ ฉันเองชอบที่จะ เห่อ อะไรเป็นพักๆ ช่วงนี้ เห่อที่จะเป็นแม่ครัว 5555
สองวันก่อน ทำอาหารญี่ปุ่น เดี๋ยวใครมาอ่าน จะคิดว่าฉันทำเว่อร์บ้าทำแต่อาหารต่างชาติ555 วันนี้ก็เลย
จะมาทำอาหารไทยๆ ให้ได้ชิมกัน เป็นเมนูคู่ทุกบ้าน ซะด้วยซิ คิดว่าคงคุ้นปากดี นั่นก็คือ "มาม่า" นั่นเอง ^__^
เหตุเกิด จากเมืองกรุงเทพฯ รถติดมากมาย ต้องไปรับน้องชายที่โรงเรียน กว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้าน ก็ช่างแสนน๊าน นานนนน
ก็เลยคิดว่า ทำอาหารให้น้องทานบนรถ ระหว่างเดินทาง ก็คงจะดี เจ้าตัวเล็ก จะได้ไม่ต้องบ่นตลอดทางว่า
"พี่จอย ขับเร็วๆซิ หิวแล้ววววว" อีกต่อไป ^__^
วันนี้ ก็ค้นๆ คุ้ยๆ ในตู้เย็น เจออุปกรณ์ ในการทำอาหารมื้อนี้ ดังนี้ค่ะ ยำยำรสผัดขี้เมาแห้ง,หมึกสด,เนื้อหมู,เนื้อปลาแผ่น,แครอท,ดอกกะหล่ำปลี,พริกสด และใบกระเพรา ^__^

ขั้นตอนแรก ก็นำเส้นมาม่า ไปลวกน้ำร้อนก่อน แล้วพักไว้ นำส่วนประกอบทั้งหมด มาหั่นๆๆๆๆ เตรียมไว้ สำหรับผัดค่ะ

จากนั้นก็ตั้งกระทะ เปิดไฟอ่อนๆ ผัดพริกกับกระเทียมให้หอม แล้ว นำปลาหมีก เนื้อหมู ปลาแผ่น ลงไปผัด พอสุกแล้ว ก็ตามด้วยผักต่างๆ ผัดจนผักเริ่มสุก ก็ฉีกเครื่องปรุงที่แถมมากับซอง ใส่ลงไปผัด(ควรปรุงรสเพิ่มเติมนะคะ เพราะว่าถ้าแค่เครื่องปรุงที่แถมมารสชาดจะอ่อนเกินไป) ผัดไปเรื่อยๆ จนมีกลิ่นหอมอย่างที่เห็น ได้กลิ่นรึป่าวค่ะ ^__^

จากนั้นก็นำเส้นลงไปผัดๆ ให้รสชาดเข้าเนื้อ แล้วก็ชิม เมื่อปรุงรสได้ตามใจชอบแล้ว ก็โรยใบกระเพราอันดับหลังสุด

เสร็จแล้ว ก็เสิร์ฟใส่จาน พร้อมรับประทานแล้วค่ะ น่าหม่ำมั้ย ^^

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- - มาทำ ซูชิ กินกันเถอะ - -

ผลต่อเนื่องจากเมื่อวาน สงสัยราเมนรสชาดจะดีกว่าที่คิด
น้องชาย ตัวอ้วน "ปีก้า" ก็เลยบอกให้ทำ ซูชิให้ทานบ้าง
"ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว" ฉันตกปากรับคำ เพราะของที่ซื้อมาทำเมื่อวานก็เหลือเยอะแยะ
ก็เลย รื้อๆค้นๆ ในตู้เย็น ได้อุปกรณ์ การทำซูชิ มาอย่างที่เห็นนี่ละคะ ส่วนประกอบอาจจะไม่เหมือนสูตรต้นตำหรับ
อันนี้ เป็นรสที่ทำกินเองที่บ้านนะ^__^
ส่วนประกอบมีสาหร่ายญี่ปุ่น(แบบแผ่นใหญ่สำหรับห่อ)น้ำส้มสายชู,โชยุ
น้ำตาลทราย,ข้าวญี่ปุ่น,ไข่ไก่,แครอท , ปูอัด เริ่มกันเลยดีกว่า

ก่อนอื่นไปหุงข้าวญี่ปุ่นไว้ก่อนเลย 555 แล้วระหว่างรอข้าวสุก ก็เตรียมส่วนของใส้ซูชิกันก่อนนะคะ
1.นำแตงกวา แครอท และปูอัดมาหั่นเป็นเส้นยาวๆเตรียมไว้ก่อน
2.เตรียมไข่หวานสำหรับทำไส้ โดยการนำไข่ไก่มาตี (มีเคล็ดลับคือพยายามตีไข่อย่าให้มีฟองมาก เวลาทอดแล้วเนื้อจะเนียนสวย)
3.เสร็จแล้ว ก็นำน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู โชยุ มาละลายผสมกันจนเป็นน้ำ แล้วก็ค่อยๆเทผสมลงไปในไข่ไก่ระหว่างตี
4. นำกระทะมาตั้งไฟอ่อนๆ (ควรใช้กระทะเทฟร่อนนะคะ จะได้เนื้อเนียนสวย ยิ่งถ้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมจะดีมาก)
5.รอกะทะร้อนก็เทไข่ลงไปบางๆ พอเริ่มสุกเหลืองแล้ว ก็ม้วนๆพับๆไว้ข้างกะทะ ทำแบบนี้ไว้ซักสามม้วนนะคะ
6.เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น จึงนำไข่มาหั่นเป็นเส้นยาวๆ เพื่อวางเป็นไส้ซูชิ และหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมสำหรับวางเป็นหน้าซูชิ
7.นำข้าวญี่ปุ่นที่หุงเสร็จแล้ว มาใส่ในชามใหญ่ๆ พักไว้ ให้ข้าวอุ่นๆ
8.นำน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู และเกลือ ละลายให้เข้ากัน เพื่อเตรียมปรุงข้าวซูชิ
9.นำน้ำปรุงข้าว ค่อยๆเทราดลงบนข้าวทีละน้อย ค่อยๆชิมรสชาด (ระวังอย่าให้ข้าวเละนะคะ)
เสร็จแล้ว ก็จะได้อย่างที่เห็นนี้นะคะ ^^

มาเริ่มทำซูชิกันเลยดีกว่า เริ่มโดยการปูสาหร่ายสำหรับห่อไว้ แล้วก็ตามด้วย ข้าวญี่ปุ่น ไข่หวาน แตงกวา แครอท ปูอัดตามลำดับ
เสร็จแล้วก็ม้วนๆๆๆๆๆๆ เป็นแท่งๆ เตรียมไว้ (อย่าใส่ใส้มากเกินไปนะ เพราะเดี๋ยวสาหร่ายจะขาด ห่อไม่ได้ค่ะ)




หลังจากนั้นก็นำไอ้ม้วนซูชิมาหั่นนะคะ ขั้นตอนนี้ต้องระวังหน่อย เอาน้ำส้มสายชูเช็ดมีดจะทำให้หั่นง่ายขึ้น ค่อยๆหั่นนะไม่งั้นเละแน่
(ฉันเองก็หั่นไม่เก่งเหมือนกันค่ะ มือใหม่ หน้าเละเหมือนกัน5555)ส่วนซูชิหน้าปูอัดกับไข่หวานก็แค่นำมาวางบนข้าวซูชิ ที่ปั้นพอดีคำ แล้วพันด้วยสาหร่ายไม่ให้เป็นโรคไส้(ซูชิ)เลื่อน 555 เสร็จแล้วก็นำซูชิจัดใส่จาน ทานคู่กับ โชยุและวาซาบิ
แค่นี้ก็ได้ซูชิทำกินเอง อร่อยและก็ประหยัดตังค์ในกระเป๋าแล้ววว ^__^

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

- - มิโซะ ราเมน ฉบับ D.I.Y. - -

ไม่ได้เขียน บล็อก มานานมากกกกกกกกกก ชีวิตฉันดูวุ่นๆ ยุ่งๆยังไงบอกไม่ถูกนะช่วงนี้
ตอนนี้ ฉันใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆ ไม่ได้เดินตามแบบแผนที่วางไว้ซักเท่าไรฉันตั้งใจ จะปิดเทอม ซักครึ่งปี
ค้นหาอะไรซักอย่าง ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ (ฉันเรียกมันว่า ช่วงลอกคราบ555)
**ตอนนี้ ฉันลองมาใช้ชีวิตแบบคุณแม่ ดูละ มาเลี้ยงน้องชายที่แสนจะน่ารักสองคน
"ปีก้า"และ"ไตเติ้ล"ลูกชาย(ช่วงทดลองเป็นคุนแม่)ของฉันเอง

เรื่องของเรื่อง เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันหนึ่ง ตอนนั่งดูรายการ "โกโกริโกะ"กับน้องทั้งสองคน จู่ๆไตเติ้ลก็พูดขึ้นมาว่า
"พี่จอยครับ ไตเติ้ลอยากกิน ราเมน" วิญญาณ คุณแม่ของฉันก็เลยตกปากรับคำน้องไปว่า
"โอเคเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่จะทำให้กิน" 555 งานเข้าซิครับ ไม่เคยทำด้วย แต่พูดไปแล้ว ยังไงก็ต้องทำใช่มั้ยละ ^__^
วันนี้ ก็เลย สวมบทบาทแม่ครัวอาหารญี่ปุ่น จำเป็นซะหน่อย

นานๆจะได้เป็นแม่ครัว ซะที เลยอยากลองทำอาหารฉบับ DIY เผยแพร่ซะหน่อย
เผื่อใครอยากทำ ราเมน ทานเองบ้าง ^__^ (สูตรแบบ ประยุกต์ ฉบับมั่วๆของฉันเองค่ะ555)
เริ่มจากเตรียมอุปกรณ์ ในการทำ ดังนี้ ต้นหอมญี่ปุ่น ,มิโซะ,เส้นราเมน,หอมใหญ่,แครอท,เห็ดเข็มทอง,สาหร่าย,มันฝรั่ง,กวางตุ้ง,ปลาหมึก,ปลาแผ่นหรือลูกชิ้น นาๆชนิดที่ชอบ


ขั้นตอนที่ 1. ต้มน้ำซุป โดยการเอาสาหร่ายลงต้มก่อนเพื่อให้ได้รส แล้วกรองเอาแต่น้ำ นำมิโซะ ละลายน้ำ ต้มให้เดือดซักครู่ นำเต้าหู้ปั่นละเอียด กรองเอาแค่น้ำ เทลงในน้ำซุป(จะทำให้น้ำซุปมีรสมันๆของเต้าหู้ด้วย)นำแครอท มันฝรั่ง หอมใหญ่ หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ใหญ่ๆ ต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ (บรรดาผักต่างๆ จะทำให้น้ำซุปมีรสหวานค่ะ ^^)

ขั้นตอนที่2. ช่วงที่รอน้ำซุปเดือด เราก็มาเตรียมส่วนของตกแต่งชามกันเถอะ นำแครอทมาหั่นเป็นฝอยๆ กวางตุ้ง เห็ดเข็มทอง และต้นหอมญี่ปุ่น มาหั่นฝอยๆ ผัดให้สุก นำลูกชิ้นมาย่างให้เหลืองทอง สวยงาม เตรียมไว้สำหรับตกแต่ง ^^



ขั้นตอนที่3. นำเส้นราเมนมาลวก ใส่ชาม แล้วก็นำส่วนประกอบต่างๆมาวางตกแต่ง แล้วราดน้ำซุป แค่นี้ก็พร้อมให้ น้องๆหม่ำหลังจากกลับจากโรงเรียนแล้วละคะ วันนี้ รอดตัวแล้ว พี่ทำตามสัญญาแล้วนะ ไตเติ้ล ^___^


ปล.สงสัย ราเมน จะรสชาดใช้ได้ ปิก้าเลยเอ่ยปาก ขอเพิ่มเมนู "ข้าวปั้น ซูชิ"บ้าง 555

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

- - ลาที...เด็กปีหนึ่ง - -

ฉันกำลังจะเป็นรุ่นพี่แล้วค่ะ ^^
จะจบปีหนึ่งแล้วนะ...โตขึ้นมาเป็นรุ่นพี่แล้ว
ช่วงก่อนหน้านี้ มีความรู้สึกที่สับสนเหลือเกิน
ไม่รู้จะก้าวไปทางไหนต่อ ....ดูมันเหน็ดเหนื่อย
อยู่ดีๆ ก็ท้อไปซะอย่างนั้น...เคยคิดอยากจะ Drop ไปซะทุกอย่าง
ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องงาน ทุกๆเรื่อง อยากหยุด อยู่เฉยๆ
*
*
ทุกเรื่อง...ดูแย่สำหรับฉันไปซะหมด....ทุกอย่างมันดู...ไม่ใช่
........ฉันกำลังเบื่อชีวิต!!!!!.......
ฉันคิดแบบนั้นจิงๆนะ...............
(อาจจะเร็วไปหน่อยที่จะคิดแบบนี้ตอนอายุยี่สิบหก 555555++)
แต่มานึกๆ ดูแล้ว มันเป็นวิถีของคนขี้เกียจเกินไปหน่อย
มีใครบางคน ให้กำลังใจฉัน และบอกฉันว่า
*
*
"มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่ง ที่เราต้องเรียนรู้ และต้องทำความเข้าใจกับมัน
เพราะบางที ถ้าเราไม่ทำตอนนี้ เราอาจจะเสียใจที่ปล่อยมันผ่านไปก็ได้"
*
*
มันเป็นประโยค ที่เหมือนไม่มีอะไร ใครๆ ก็คิดแบบนี้ได้ แต่ฉันฟังแล้วรู้สึกดีมากจริงๆ
ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็เกิดแรงฮึดสู้ล่ะ....จะเอาจริงแล้ว อะไรผ่านเข้ามา ก็ให้มันรู้ไปซิ
ก้าวต่อไป........ฮึ่มมมมมมมมมมมมมมมมมม
(ตอนนี้รู้สึก มีพลัง จนไฟลุกท่วม 555++)

ปล. ขอให้พลังนี้ อยู่คู่กับฉันจนกว่า จะทำ The sis เสร็จด้วยเถอะ ^^

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

- - I am twenty-sixyz year old - -

บังเอิญได้อ่าน "สิ่งที่ได้เรียนรู้ เมื่ออายุปูนนี้" ของพี่อุดม (แต้)
ก็เลยลองนึก เล่นๆดู ว่าเราเอง อายุปูนนี้ ได้เรียนรู้อะไรบ้างนะ ???
แล้วเธอล่ะได้เรียนรู้อะไรบ้าง จนกระทั่งถึงณ.เวลานี้ อายุเท่านี้

.........ส่วนสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้คือ...........
v
v
v
*******สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ เมื่ออายุ 26 *********
- ฉันเรียนรู้ว่า.......จดหมายลูกโซ่ มันสามารถพัฒนาการตามเทคโนโลยีได้
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ความเชื่อบางเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องเชื่อ
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ร้านก๋วยเตี๋ยวที่บอกให้ "ชิมก่อนปรุง" เราควรจะเชื่อเขา
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ผู้ปกครอง และ ผู้ถูกปกครองมีจริง
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ไม่แลบลิ้นใส่คนเป็นตาแดง เช้าขึ้นมาเราก็ยังปรกติดี
- ฉันเรียนรู้ว่า.......รถยนต์มันไม่ได้ทำให้เราสบายขึ้นจริง หากนั่งนานเกินไป
- ฉันเรียนรู้ว่า.......การเคารพความคิดของตัวเอง บางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
- ฉันเรียนรู้ว่า......."ผู้ชาย" ที่เป็น "ผู้ชาย" นับวันยิ่งน้อยลง
- ฉันเรียนรู้ว่า.......อย่าวัดดวงกับพ่อ แม่ ในทุกๆเรื่อง
เพราะประสบการณ์จะทำให้พวกเค้าชนะเสมอ
- ฉันเรียนรู้ว่า.......คนที่เรียนมาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะนิสัยเหมือนกันไปทั้งหมด
- ฉันเรียนรู้ว่า.......เพื่อนที่ซกมกสุดๆ พอถึงเวลาสอบ ก็แต่งตัวหล่อ จนทำให้เราตกใจได้
- ฉันเรียนรู้ว่า.......หากคุณอยากกินกาแฟที่เรื่องมากที่สุดในโลก แนะนำ
"ร้านแก้วเจ้าจอม" ใต้ตึกครุศาสตร์ ลาดกระบัง
- ฉันเรียนรู้ว่า......."อิทธิพลของสี" ทำให้ฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เมื่อมีการประท้วงที่ผ่านมา
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ชุดครุยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เอามาใช้ต่อเมื่อเรียน
พระจอมเกล้าลาดกระบังได้
- ฉันเรียนรู้ว่า.......แลคโตบาซิลัสในยาคูลย์ถ้าไม่อยู่ในความเย็นเกินสองชั่วโมงแล้วจะตาย
- ฉันเรียนรู้ว่า.......คนที่เรียนต่อปริญญาโท ไม่ได้มีแค่พวกเด็กเรียน (ฉันเองก็อยู่หนึ่งในนั้น 5555)
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ต้นลำภูไม่ได้มีหิ่งห้อยเสมอไป
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ลูกเกดจริงๆแล้วมันคือองุ่น
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ตำรวจ(บางคน)ไม่ได้จับโจร แต่กลับเป็นโจรเสียเอง
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ปูอัดไม่เด้เป็นเนื้อในอวัยวะส่วนใดของปู
- ฉันเรียนรู้ว่า.......ค้างคาวจะไม่ห้อยหัวเวลาขับถ่าย
- ฉันเรียนรู้ว่า..... คนบางคนถึงแม้จะให้โอกาสแก้ตัวใหม่เขาก็ยังเลือกที่จะทำแบบเดิม

แล้วคุณล่ะ จนอายุปูนนี้ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง ????

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

- -เ ป ลี่ ย น- -

"จงพอใจในสิ่งที่ตนมี"
เป็นประโยคคลาสสิค ที่อยู่คู่กับหนังสือวิชา "พุทธศาสนา" ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ
เรารู้ เราท่องจำ แต่มันทำยากยิ่งจริงๆ
ฉัน เปลี่ยนรูป วอล์ลเปเปอร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เกือบทุกวัน ทั้งๆที่เวลาทำงานทั้งวันฉันไม่ได้มองดูภาพๆนั้นด้วยซ้ำ...
ฉัน เปลี่ยนเสื้อ วันละหลายครั้ง ทั้งๆที่มันก็เสื้อตัวสีขาวและแบบพื้นๆเหมือนเดิม....
ฉัน เปลี่ยนชื่อ ใน Msn บ่อยๆ เพราะแต่ละวัน อารมณ์มันมักจะไม่คงที่
ฉัน เปลี่ยน รสชาดของอาหารที่กินบ่อยๆ บางช่วงก็นิยมกินแบบรสหวานฉ่ำ บางช่วงก็นิยมกินแบบเปรี้ยวเข็ดฟัน
ฉันปรุงอาหารที่รสชาดมันดีอยู่แล้ว ให้มันแย่กว่าเดิม ทั้งๆที่ร้านอาหารเค้าก็ติดป้ายบอกอยู่แล้วว่า
......................"กรุณา ชิมก่อนปรุง".................................

บ่อยครั้งที่ฉันคิดจะลองทำอะไรซ้ำๆกัน เป็นเวลานานๆ...
บ่อยครั้งที่ฉันมักจะแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เสมอ...
ฉันเคยคิดว่า ถ้าฉันสอบติด...ฉันคงจะดีใจ...
ฉันเคยคิดว่า ถ้าฉันเรียนจบ...ฉันคงจะดีใจ...
ฉันเคยคิดว่า ถ้าได้ทำงาน...ฉันคงจะดีใจ...
ถ้าเคยคิดว่า ถ้าฉันอายุ 25... ฉันคงเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัว...
ซึ่ง ณ ตอนนี้ ฉันจะ 26 ปีแล้ว ฉันก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป้าหมายของชีวิตจริงๆแล้วมันคืออะไร ???????

..............................
แต่รู้อะไรไหม?? การที่เป็นคนที่รู้สึกไม่พอใจอะไรง่ายๆ ช่างเลือก มันเป็นแรงขับเคลื่อนอย่างหนึ่งล่ะ
มันทำให้เรา มองหาอะไรใหม่ๆเสมอ....
มองหาพื้นที่ ที่มันเหมาะกับเราเสมอ..
การพอใจอะไรง่ายๆโดยไม่ไตร่ตรอง...มันคงจะไม่ดีนัก.....
ถึงแม้ณ ตอนนี้ ฉันจะยังมีความรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่ฉันมี
แต่ซักวันหนึ่ง ฉันเชื่อว่า ฉันคง พอใจกับสิ่งที่ฉันได้เลือกอย่างไตร่ตรองแน่นอน
..............................

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

- - ค ว า ม รั ก ข อ ง เ พ ศ ที่ ส า ม - -

----กลางดึก ของคืนหนึ่ง
*
*
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง

ฉันงัวเงีย ไปรับโทรศัพท์ ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนึงพูดพร้อมกับเสียงสะอื้นว่า

"....แก....ฉันไปหาแก....ได้ไหม???......."
*
*
ฉันพยายามปลุกตัวเองให้ฟังเสียงเศร้าๆนั้นอย่างตั้งใจ แล้วฉันก็รู้ว่า
*
*
เสียงนั้น คือ เอ๋...
เอ๋ เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่จะว่า สนิทกันมากก็ไม่ถึงกับขนาดนั้น เอ๋เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่นิสัยดี
คุณมักจะจำ ครั้งแรกที่ได้รู้จักใครสักคนได้ เช่น
ฉันจำเพื่อนบางคนได้ เพราะวันแรกที่รู้จักกันเพื่อนฉันทำกระโปรงขาด วันมาสอบ
ฉันจำเพื่อนบางคนได้ เพราะวันแรกที่รู้จักกัน เค้าแนะนำตัวเองด้วยชื่อจริง อย่างเป็นทางการ
*
*
แต่ ฉันจำเอ๋ได้ เพราะเอ๋ เป็น ผู้หญิง ที่แนะนำ ตัวเองว่า
"...เราชื่อเอ๋...ครับ..."
ถูกต้องแล้ว...เอ๋ เป็น
"ทอม"
--------
ก่อนหน้านี้ ฉันออกจะมอง ผู้หญิง ที่ทำตัวห้าว ก๋ากั่น ดูเป็นทอมบอย ในแง่ร้ายมาก
ฉันมองว่าเค้า..แสดง..พยายาม..และ...ประดิษฐ์..
เอ๋ ทำให้ฉัน มองผู้หญิง เหล่านั้นในมุมที่แปลกออกไป...ตลอดเวลา 4 เดือนที่เราได้รู้จักกัน
เอ๋ ทำให้ฉัน รู้สึก และมอง ความรัก ในแง่มุมที่ฉัน ไม่เคยเห็น
ความรัก ที่...ถึง รักแทบตาย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้...
เอ๋ มี แฟน เป็นผู้หญิง.. ทั้งสองคนรักกันดี...คบกันมานาน ถึง ห้าปี...
ครอบครัวของเอ๋รับรู้ และยอมรับ
แต่ปัญหามันอยู่ที่...
ครอบครัวของฝ่ายหญิง..ไม่ได้ยอมรับ..และรับไม่ได้
กับ...ความรักของ"ลูกสาว"บ้านตน... รักกับ..."ลูกสาว"บ้านอื่น
ความรัก ที่มีมาถึง ห้าปี มันถึงเวลาที่ต้องจบลง..เพราะมันเป็นไปไม่ได้
เอ๋ ผิด ที่เกิดมาเป็นผู้หญิง...
เศร้ามาก...มันดูเศร้าจริงๆ..
------------------------
คืนวันนั้น...เอ๋ไม่ได้มาหาฉัน ...เพราะมันดึกมากแล้ว...
ฉันคุยกับเอ๋ ผ่านทางโทรศัพท์ ได้แต่ปลอบใจ..ภาพที่ฉันเห็น ตอนคุยโทรศัพท์
ฉันเห็นเพื่อนผู้หญิง คนหนึ่งของฉัน ช่างอ่อนแอ เหลือเกิน..
ฉันไม่คุ้นกับภาพ ของเอ๋ ที่อ่อนแอ แบบนี้ ฉันนึกไม่ออก
ฉันอยากไปนั่งอยู่ข้างๆ แล้วกอดเพื่อน ผู้หญิง ของฉัน คนนี้ เหลือเกิน
-----------------------
แล้วฉันก็ได้รู้ข่าวว่า.....
เอ๋ กินยาเพื่อจะ "ฆ่าตัวตาย" แต่โชคยังดีที่ล้างท้องทัน
ก่อนหน้านี้...ฉันเคยอ่านข่าว เคยได้ยิน แต่ไม่เคยคิดว่า
คนที่ฉันรู้จัก จะทำแบบนี้...มันสะเทือนใจ เหลือเกิน
ฉันไม่รู้จะช่วยเอ๋...ได้ยังไง
ได้แต่หวัง อยากให้คนอื่นๆ มอง ความรัก ของคู่ "ทอมดี้" ในแง่อื่นบ้าง
ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยความรู้สึก....
ฉันไม่รู้ว่า ควรหรือไม่ ที่เอาเรื่องของเอ๋มาเขียน
แต่ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะ
หวังว่า เรื่องนี้ อาจจะทำให้คนอื่น รู้สึก และ มองความรัก...ในแง่มุมนี้..ให้ดีขึ้นบ้าง
เผื่อจะเข้าใจ ความรักแบบเอ๋ เหมือนที่ฉันรู้สึก...
....................
ฉันไม่อยากให้ ใครเป็นเหมือน เอ๋ อีก
....................
....................
....................
....................
"บางทีความรักที่เป็นไปไม่ได้ของใครสักคน... อาจเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในชีวิต "(พี่บอย ตรัย กล่าวไว้)